สืบเนื่องจากประสบการ์ณตรงของตัวเอง นับจากได้รับอุบัติเหตุ เมื่อ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ ทำให้ชีวิตได้แปรเปลี่ยน จากคนทั่วๆไปกลายมาเป็นคนพิการ กระดูกสันหลังหักกดทับไขสันหลัง หรือ ผู้บาดเจ็บไขสันหลัง ถึงจะผ่านระยะเวลาล่วงเลยมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำว่า มันไม่ง่ายเลยนะ ที่จะก้าวข้ามเส้นปัญหา อุปสรรคนานัปประการ นอกจากจะมีจิตใจที่เข้มแข็งแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด จะต้องมีความรู้ด้วย แล้วเราจะหาความรู้นั้นได้จากที่ไหน? ผมหมายถึงความรู้เกี่ยวกับโรคที่ตัวเองประสบอยู่ เพื่อที่จะดูแลตัวเองหรือให้ผู้อื่นช่วยเหลือได้อย่างถูกต้องถูกวิธี เป็นก้าวย่างไปสู่การฟื้นฟูสมรรถภาพของตนเอง ทั้งกายและใจ เพื่อที่จะกลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีคุณค่า
ผมคิดไว้นานแล้วว่า ผมน่าจะทำประโยชน์อะไรให้กับสังคมบ้าง โดยเฉพาะบุคคลผู้บาดเจ็บไขสันหลัง รายใหม่ๆ ตัวผมเองเป็นบัณฑิตทางด้านกฎหมาย ไม่มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์แม้แต่น้อย แต่จากประสบการ์ณตรงและความรู้ที่ได้จากคุณหมอหลายๆ ท่าน โดยเฉพาะจากหนังสือ "คู่มือสำหรับผู้ป่วย บาดเจ็บไขสันหลัง" รองศาสตราจาร์ย คุณหมอ อภิชนา โฆวินทะ ผู้เขียน สิ่งที่ผมจะบันทึกไว้ ส่วนใหญ่นำมาจากคู่มือดังกล่าว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและญาติหรือบุคคลผู้ดูแลผู้ป่วย
ขอกราบขอบพระคุณ คุณหมอทุกๆ ท่าน ที่ได้บำบัดรักษาแล้วให้ความรู้แก่ผม รวมทั้ง คุณหมอ อภิชนา โฆวินทะ ถึงจะไม่มีโอกาสได้พบปะท่านมาก่อน ความรู้ในหนังสือของท่าน ทำให้ผมมีวันนี้ กราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านครับ.
ป.ล.บันทึกไว้ตั้งแต่ 23 มีนาคม 2551 นำมาปัดฝุ่นใหม่ครับ
ผมคิดไว้นานแล้วว่า ผมน่าจะทำประโยชน์อะไรให้กับสังคมบ้าง โดยเฉพาะบุคคลผู้บาดเจ็บไขสันหลัง รายใหม่ๆ ตัวผมเองเป็นบัณฑิตทางด้านกฎหมาย ไม่มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์แม้แต่น้อย แต่จากประสบการ์ณตรงและความรู้ที่ได้จากคุณหมอหลายๆ ท่าน โดยเฉพาะจากหนังสือ "คู่มือสำหรับผู้ป่วย บาดเจ็บไขสันหลัง" รองศาสตราจาร์ย คุณหมอ อภิชนา โฆวินทะ ผู้เขียน สิ่งที่ผมจะบันทึกไว้ ส่วนใหญ่นำมาจากคู่มือดังกล่าว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและญาติหรือบุคคลผู้ดูแลผู้ป่วย
ขอกราบขอบพระคุณ คุณหมอทุกๆ ท่าน ที่ได้บำบัดรักษาแล้วให้ความรู้แก่ผม รวมทั้ง คุณหมอ อภิชนา โฆวินทะ ถึงจะไม่มีโอกาสได้พบปะท่านมาก่อน ความรู้ในหนังสือของท่าน ทำให้ผมมีวันนี้ กราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านครับ.
ป.ล.บันทึกไว้ตั้งแต่ 23 มีนาคม 2551 นำมาปัดฝุ่นใหม่ครับ